วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

ฟาโรห์ตุตันคาเมน และคำสาปที่ร่ำลือ

ฟาโรห์ตุตันคาเมน และคำสาปที่ร่ำลือ


ปริศนาคำสาปและสาเหตุการตายของตุตันคามุน
ตุตันคามุน ฟาโรห์อียิปต์ผู้โด่งดังเมื่อสิ้นพระชนม์มาแล้วกว่าสามพันปี พระองค์เป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ แห่งการค้นพบทางโบราณคดีในโลกปัจจุบัน สุสานอันเต็มไปด้วยเครื่องทองของมีค่าอลังการ มลังเมลืองของพระองค์ ในหุบผากษัตริย์ นั้น เป็นแรงบันดาลใจสูงสุดของการขุดค้นทางโบราณคดี ทั้งเป็นตัวจุดประกายความหลงใหลใฝ่ฝันในอารยธรรมอียิปต์ โบราณแก่คนทั้งโลก ตุตันคามุนเป็นฟาโรห์ในราชวงศ์ที่ 18 ยุคราชธานีใหม่ของอียิปต์ ครองบัลลังก์ ประมาณระหว่างปีที่ 1336-1327 ก่อน ค.ศ. เข้าใจว่าพระองค์เป็นโอรสของอเคนาเตน ฟาโรห์ผู้ปฏิวัติศาสนาจากการนับถือเทพหลายองค์ โดยมี อามุน-เร เป็นเทพสูงสุดนั้น มานับถือเทพองค์เดียวคืออาเตน ผู้มีสัญลักษณ์ เป็นวงกลมดวงอาทิตย์ที่มีรัศมีเป็นสายยาว ตุตันคามุนมิใช่โอรสที่เกิดจากเนเฟอร์ติตี ราชินีโฉมงามของอเคนาเตน เพราะราชินีผู้นี้ ดูจะมีแต่พระธิดาเท่านั้น พระมารดาของตุตันคามุนเป็นมเหสีรองที่ชื่อ คียา พระนามเดิมของตุตันคามุนคือ ตุตันคาเตน (แปลว่า รูปอันมีชีวิตแห่งเทพอาเตน) เนื่องจากประสูติในสมัยที่พระบิดา หันมานับถือเทพอาเตนแล้ว
ในวัยเยาว์ ตุตันคามุนทรงใช้ชีวิตที่เมืองอเคตาเตน (เทล เออลอมาร์นา ปัจจุบัน) เมืองหลวงใหม่ที่พระบิดาสร้างอุทิศแด่ เทพองค์ใหม่ ตุตันคาเตนขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ ยังทรงพระเยาว์มาก คือในราว 9-10 ชันษา และต่อมาก็อภิเษกกับอังเคเซนปาอาเตน พระเชษฐภคินีร่วมพระบิดา ผู้เป็นพระธิดาของเนเฟอร์ติตี ไม่นานนักตุตันคาเตนก็ทรงย้ายเมืองหลวง กลับมายังเมมฟิส เมืองหลวงดั้งเดิม เปลี่ยนศาสนากลับมานับถือเทพอามุน-เร และเทพอื่นๆ ดังเดิม รวมทั้งเปลี่ยนพระนามของพระองค์เองและของพระมเหสีเป็น ตุตันคามุน และอังเคเซนปาอามุนตามลำดับ
เพื่อยืนยันการนับถือเทพอามุน ตุตันคามุนครองราชย์เพียงไม่กี่ปี ก็สิ้นพระชนม์ด้วยวัยเพียง 19-20 ชันษา พระศพถูกทำเป็นมัมมี่แล้วเก็บไว้ในสุสาน ณ หุบผากษัตริย์พร้อมข้าวของที่พระองค์ จะนำไปใช้ได้ในโลกหลังความตาย และของสักการะบูชาอื่นๆที่แล้วล้วนไปด้วยทองคำ รวมแล้วกว่า 3,000 ชิ้น
ในต้นทศวรรษ 1900 อันเป็นยุคที่มีการขุดค้นทางโบราณคดีมากที่สุดในอียิปต์ แต่เมื่อมีการค้นพบสุสานในหุบผากษัตริย์ของหลายๆ บุคคลที่อยู่ในยุคเดียวกัน มีโถคาโนปิค (โถบรรจุอวัยวะภายในที่นำออกมาระหว่างการทำศพเป็นมัมมี่) ของพระนางคียา พระมารดาของตุตันคามุน แท่นบูชาของราชินีติยี และของอื่นๆ ที่จารึกพระนามของอเมนโฮเทปที่ 3 บ้าง สเมนกาเรบ้าง ทั้งมีถ้วยเคลือบสีใบหนึ่งที่จารึกพระนามตุตันคามุน และนั่นก็คือครั้งแรกที่นักโบราณคดีรู้จักฟาโรห์พระนามนี้
อย่างไรก็ตาม ต่อๆมาก็มีผู้พบโบราณ วัตถุที่เกี่ยวข้องกับตุตันคามุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น แผ่นทองจารึกพระนามที่แผ่นหนึ่งมีภาพตุตันคามุนกำลังทรงธนู ซึ่งเออร์เนสท์ แฮโรลด์ โจนส์ พบในห้องห้องหนึ่งที่ตัดลึกเข้าไปในหน้าผาแห่งหนึ่งในปี 1908
เอเอฟพี-เทคโนโลยีทัน สมัยช่วยไขปัญหาคาใจของผู้คนในวงการประวัติศาสตร์และผู้สนใจเรื่องราวชวน พิศวงของอาณาจักรไอยคุปต์โบราณ เมื่อผลการตรวจสอบโดยใช้แคทสแกนชี้ว่า ยุวกษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักรอียิปต์เมื่อ 3,000 ปีก่อน น่าจะสิ้นพระชนม์เพราะ "ขาหัก" มากกว่าจะถูกปลงพระชนม์ด้วยธนูอย่างที่เชื่อกัน

ซาไฮ ฮาวาสส์ (Zahi Hawass) ผู้อำนวยการสภาโบราณสถานแห่งอียิปต์ (Egypt's Supreme Council of Antiquities) ผู้นำการศึกษาเผยว่า ฟาโรห์ ตุตันคาเมนน่าจะสิ้นพระชนม์จากบาดแผลที่ติดเชื้อ โดยผลการตรวจพระศพมัมมี่อายุ 3,300 ปีโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบแคทสแกนชี้ว่า พระองค์น่าจะกระดูกหักไม่นานก่อนสิ้นพระชนม์

แม้คณะทำงานจะมีความเห็นขัดแย้งกันบ้างในรายละเอียดที่ได้จากการตรวจ สอบ สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันก็คือตุตันคาเมนไม่ได้สิ้นพระชนม์เพราะถูกปลงพระชนม์ ตามที่เชื่อกันมานาน

“ตุ ตันคาเมน” หรือ "ตุตันคามุน" (Tutankhamun/Tutankhamen) เป็นฟาโรห์องค์ที่ 12 ในราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ ทรงขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนมายุเพียง 10 ชันษา ทรงเป็นกษัตริย์อียิปต์โบราณในช่วงปี 1334 - 1323 ก่อนคริสตกาล ก่อนหน้าขึ้นครองราชย์ใช้พระนามว่า “ตุตันคาเตน” อันหมายถึงเทพอาเตน หรือสุริยเทพอวตารลงมา

ทั้งนี้ พระราชบิดาของพระองค์คือ “เอเมนโฮเทปที่ 4” ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น “อาเคนาเตน” ด้วยความศรัทธาใน “เทพอาเตน” เป็นอย่างมาก โดยยัดเยียดและปฏิรูปศาสนาอย่างถอนรากถอนโคน ซึ่งแต่เดิมนั้นประชากรอียิปต์นับถือพระเจ้าหลายองค์ (พหุเทวนิยม) โดยมีเหล่านักบวช เป็นผู้ดูแลทำพิธีในวิหารต่างๆ

แต่อาเคนาเตน ได้นำเอาศาสนาพระเจ้าองค์เดียว (เอกเทวนิยม) คือ สุริยเทพอาเตนเข้ามา ซึ่งหลังจากอาเคนาเตนสิ้นพระชนม์ลง ศาสนสถานและชื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “อาเตน” จึงถูกลบออกไป รวมทั้งพระนามของ “ตุตันคาเตน” ที่เปลี่ยนมาเป็น “ตุตันคาเมน”

ตุ ตันคาเมนสิ้นพระชนม์เมื่อ 18 ชันษาโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่เชื่อกันว่าฟาโรห์หนุ่มองค์นี้ถูกลอบปลงพระชนม์โดยสังฆราชอัย นักบวชชั้นสูงซึ่งครองตำแหน่งผู้นำทางการทหารด้วย และต่อมาได้สถาปนาตัวเองเป็นฟาโรห์สืบราชสมบัติ
ภาพสแกนทั้งร่างของพระศพมัมมี่ตุตันคาเมน
เมื่อปี 1968 นักโบราณคดีได้เปิดโลงไม้บรรจุพระศพมัมมี่และทำการตรวจสอบ ซึ่งผลเอกซเรย์ครั้งนั้นพบว่ามีเศษกระดูกอยู่ในกะโหลกของพระองค์ ซึ่งทำให้น่าเชื่อว่าพระองค์ทรงถูกปลงพระชนม์ด้วยธนู แต่รายงานล่า สุดหลังมีการเคลื่อนย้ายพระศพฟาโรห์ไปตรวจสอบที่พิพิธภัณฑ์กรุงไคโรเป็น ครั้งแรกยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานว่าตุตันคาเมนต้องธนูที่กะโหลกศีรษะด้านหลังและไม่มีหลักฐานของ การทำร้ายร่างกายอื่นๆ

ตามข้อมูลผลการตรวจสอบกะโหลกศีรษะ กระดูกหน้าอก และกระดูกส่วนอื่นๆ อีก 2 ชิ้น เศษกระดูกในกะโหลกน่าจะเกิดขึ้นในช่วงดองพระศพ โดย "ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเกิดจากการได้รับบาดเจ็บก่อนเสียชีวิต" นอกจากนี้ยังชี้ว่ารอยแตกที่กระดูกต้นขาด้านซ้ายเป็นหลักฐานว่าขาซ้ายของฟาโรห์หักก่อนสิ้นพระชนม์
"แม้ว่าตัวบาดแผลจะไม่เป็นอันตรายถึงตาย แต่ก็อาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อน" รายงานระบุ

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบางคนไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้ พวกเขาเชื่อว่ารอยแตกที่กระดูกอาจเกิดขึ้นในภายหลังด้วยฝีมือของนักโบราณคดี ไม่ว่ารอยแตกที่กระดูกนั้นจะเกิดขึ้นเพราะเหตุใด ฮาวาสส์แสดงความมั่นใจว่าตุตันคาเมนไม่ได้ถูกลอบปลงพระชนม์แน่

"คดีนี้ปิดแล้ว เราไม่ควรจะรบกวนพระศพอีกต่อไป ไม่มีหลักฐานว่ายุวกษัตริย์พระองค์นี้ถูกปลงพระชนม์"


คำสาปฟาโรห์

ด้วย ระยะเวลาอันสั้นในการครองราชย์ทำให้กษัตริย์พระองค์น้อยทรงไม่มีภารกิจใดมาก นัก ที่สำคัญหลังสิ้นพระชนม์ทรงถูกกษัตริย์องค์ต่อมาลบทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้ง พระนามของตุตันคาเมนออกจากรายนามพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ ทำให้ไม่มีนักประวัติศาสตร์คนใดรู้จักพระนามของพระองค์เลย

“โฮเวิร์ด คาร์เตอร์” (Howard Carter) นักโบราณวิทยาชาวอังกฤษและ “ลอร์ด คาร์นาร์วอน” (Lord Carnarvon) ผู้สนับสนุนทางการเงิน เป็น คณะแรกที่ได้เข้าสู่สุสานของตุตันคาเมนในหุบผากษัตริย์ เมืองลักซอร์ ในวันที่ 4 พ.ย. 1922 โดยคาร์เตอร์ใช้เวลาถึง 10 ปี ในการขุดค้นสุสานและค้นพบห้องเก็บพระศพ โลงพระศพที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์

แม้ตุตันคาเมนจะไม่ใช่กษัตริย์องค์สำคัญ แต่สุสานของพระองค์มีเครื่องประกอบพิธีศพที่หาค่าไม่ได้เนื่องจากพระศพและ สุสานที่สร้างขึ้นไม่ได้สลักชื่อว่าเป็นของกษัตริย์ จึงรอดพ้นเงื้อมมือโจรที่คอยปล้นและทำลายสุสานไปได้ และทำให้ทุกอย่างยังคงสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ทำให้การค้นพบในครั้งนี้นับเป็นการค้นพบทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้ง หนึ่งในโลก

แต่สิ่งที่ร่ำลือกันมากกว่าสิ่งใดสำหรับสุสานฟาโรห์หนุ่มองค์นี้คือ คำสาป ที่นักบวชไอยคุปต์บรรจงสลักไว้ในสุสานของตุตันคาเมน “มรณะจักโบยบินมาสังหารสู่ผู้บังอาจรังควานสันติสุขแห่งพระองค์ฟาโรห์”

ข้อความที่ขลังและเปี่ยมด้วยอาถรรพณ์นี้ ทำให้มีการตายอย่างน่าพิศวงซึ่งเชื่อกันว่าเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์คำสาป และนับแต่สุสานถูกเปิดผู้ร่วมพิธีเปิดเสียชีวิตไป 22 คนและนับจากนั้นแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไรหากแต่เมื่อครั้งใดที่ฟาโรห์ตุตัน คาเมนถูกรบกวนก็ย่อมจะมีผู้ที่สังเวยต่อคำสาปอันลี้ลับนี้เสมอมา เริ่มจากลอร์ดคาร์นาร์วอน เจ้าของทุนในการขุดค้นสุสานก็เสียชีวิตจากการป่วยหนักด้วยโรคมาลาเรีย หลังจากเริ่มขุดค้นสุสาน ตุตันคาเมนเพียง 6 เดือน และภายหังจากมีการเปิดหีบศพขงตุตันคาเมนให้ คนทั้งโลกได้ยลโฉม เพือนร่วมงานที่มีสวนในการขุดสุสานประมาณ 20 คนก็มีอาการไข้สูงโดยไม่ทราบสาเหตุและค่อยๆ ตายลงอย่างลึกลับ ยกเว้นนายคาร์เตอร์ที่ยังใช้ชีวิตต่อมาอีกหลายสิบปีก่อนถึงแก่กรรมอย่างสงบ หรือนานคาร์เตอร์จะมีลางสังหรณ์อะไรบสฃางอย่าง จึงรีบนำเอาฟาโรห์ตุตันคาเมนกลับมาอยู่ในสุสานเหมือนเดิม มีคำร่ำลือในหมู่นักท่องเที่ยวว่า เวลาไปเที่ยวสุสานกษัตย์เหล่านี้ อย่าแอบไปเก็บอะไรออกมาจากสุสานเป็นอันขาด มิฉะนั้น บางสิ่งบางอย่างจะข้ามน่ำข้ามทะเลมาตามทวงอย่างลึกลับ ... ตอนแรกที่ได้อ่านเรื่องของฟาโรห์ตุตันคาเมน รู้สึกขนลุก!
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น